โดยทั่วไปแล้ว ขนมเค้กที่ขายตามร้านเบเกอรี่หรือตามร้านอาหารในฝรั่งเศสนั้น จะเป็นลักษณะของทาร์ตผลไม้
คนฝรั่งเศสไม่กินเค้กครีมเหมือนคนไทย
เราจะไม่พบเนื้อเค้กชั้นหนาๆ ที่เป็นแป้งผสมวนิลา ใบเตย ชอคโกแลต บัทเทอร์เค้ก ส้ม
หรือกาแฟ แล้วปาดหน้าด้วยครีมหลากสี
ส่วนพวกชีสเค้กหน้าบลูเบอร์รี่หรือเชอร์รี่กระป๋องก็ไม่มีวางขาย
เครปเค้กและคัพเค้กยิ่งแล้วใหญ่ คนฝรั่งเศสไม่รู้จักเลย
นอกจากนั้นแล้วเค้กที่ผสมพวกลูกอมหรือขนม เช่น ใส่คิทแคท ใส่ m&m หรือใส่เม็ดสีเรนโบว์ก็ไม่เป็นที่นิยม
เพราะคนฝรั่งเศสคิดว่ามันไม่ได้มาจากธรรมชาติ
คนฝรั่งเศสนิยมกินทาร์ตผลไม้สด เช่น
ทาร์ตราสเบอร์รี่ ทาร์ตสตรอเบอร์รี่ ทาร์ตแอปเปิ้ล ทาร์ตมะนาว และทาร์ตลูกแพร์

เมื่อเราสั่งทาร์ตผลไม้เป็นขนมหลังอาหารเที่ยง
พนักงานเสิร์ฟจะถามว่ารับกาแฟด้วยไหม
นี่เป็นแบบฉบับการกินของคนฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้
เพราะเขามักจะดื่มกาแฟต่อเลยหลังมื้ออาหาร
เราจะสังเกตเห็นว่า
เนื้อแป้งทาร์ตราสเบอร์รี่ในรูปนี้ ต่างจากทาร์ตผลไม้ที่เราเคยเห็นโดยทั่วไป
เพราะแคว้น Bretagne ( เบรอตาญ )
ดังที่เคยกล่าวไปแล้วว่าเป็นต้นตำรับแห่งเครปนั้น มีชื่อเสียงด้านบิสกิตเนยด้วย
เพราะแคว้นนี้เป็นแหล่งผลิตเนยเค็ม และคาราเมลเค็มที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส
บิสกิตชนิดนี้ เรียกว่า palets bretons ( ปาเล่ เบรอตง ) มีลักษณะพิเศษ คือ
ทำมาจากเนยสดที่มีรสชาติไม่หวานมาก แต่หอม พอเรากัดเข้าไป ตอนแรกมันจะกรอบ
แต่สักพักมันจะละลายในปากโดยที่ไม่ต้องเคี้ยว ถึงแม้ว่าเราจะกลืนไปแล้ว
แต่รสชาติหวานปนเค็มของเนยยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้นและยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งอยู่เลย
ดังนั้นทาร์ตผลไม้ที่นี่
จะเป็นแห่งเดียวที่ใช้บิสกิตรองแล้วทาด้วยครีมตีจากเนยขาวบางๆ เพื่อให้วางผลไม้ได้
รสชาติหวานของบิสกิต เข้ากันดีกับรสจืดของเนยขาว และตัดกับรสเปรี้ยวของราสเบอร์รี่
เขาไม่ได้ใช้แป้งทาร์ตสำเร็จรูปแล้วทาด้วยคัสตาร์ดครีมหวานๆเหมือนในแคว้นอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น